Excel Forum

ควรออกแบบตารางการเก็บข้อมูลเป็นลักษณะ "ฐานข้อมูล" (Database) เพื่อสะดวกในการประมวลผลข้อมูล เพราะจะมีฟังก์ชัน เช่น SUMIF, SUMPRODUCT และเครื่องมือช่วยหลายตัว เช่น PivotTable, Subtotals ซึ่งจะทำงานได้สะดวกขึ้นครับ

ข้อมูลน่าจะเป็นตัวเลขธรรมดา แต่จัดรูปแบบให้แสดงเป็น ไอคอน โดยใช้ Conditional Formatting ดังนั้น คุณต้องสร้างตารางข้อมูลขึ้นมาใหม่ ไฟล์ที่แนบมานั้นเป็นรูปภาพ ซึ่งทำอะไรไม่ได้

ballkoong wrote: ขอโทษครับ อาจารย์ พอดีหัวหน้าต้องการลักษณะนี้ครับ

แล้วคุณเข้าใจมั๊ยว่า ที่หัวหน้าต้องการคืออะไร? ลองแปลความหมายของคำว่า "ที่กรอกล่าสุด" ให้ด้วยครับ

ที่เซล C16 พิมพ์สูตร
=IF($E$13<$C$13,0, SUMPRODUCT(--($C$3:$C$7=B16),--($B$3:$B$7>=$C$13),--($B$3:$B$7<=$E$13),($D$3:$D$7)))

Enter แล้วคัดลอกสูตรลงมา

E2 พิมพ์สูตร =IF(B2="เครดิตไม่ดี","ไม่ผ่าน", IF(C2>=D2,"กู้ได้","ยังค้างชำระอยู่"))

คลิกขวา จัดรูปแบบเซล เลือก Custom จากปกติที่เป็น General ให้เพิ่มเป็น General;;

ไม่จำเป็นต้องแยกช่อง กำไร-ขาดทุน ครับ เสียเวลา เปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ เอาราคาขาย-ต้นทุน ถ้าผลลัพธ์เป็นค่าบวก ก็คือกำไร ผลลัพธ์เป็นค่าลบ ก็คือขาดทุน เห็นๆ อยู่แล้ว แค่จัดรูปแบบให้แสดงคนละสีก็น่าจะพอแล้ว ลองดูตัวอย่างในไฟล์แนบครับ แนบมาแล้วครับ ใช้พอได้ครับพอเขียนง่ายได้เล็กน้อย แต่พวกifไม่เป็นเลยคร...

ตั้งชื่อแบบไดนามิค ให้กับตำแหน่งช่วงข้อมูลที่จะนำไปวาง แล้วอ้างอิงชื่อนั้นครับ

ที่ C4 พิมพ์สูตร =IF(ISBLANK(C3),0,C3-C2)
คัดลอกสูตรไปทางขวา แล้วจัดรูปแบบเซลเป็น 0;-0;;

เคยใช้ insert comment มั๊ยครับ
ลองคลิกขวา เลือก insert comment (แทรกข้อคิดเห็น) ไม่ต้องใส่ข้อความใดๆ แต่เปลี่ยนสีพื้นหลัง (ปกติจะเป็นพื้นสีเหลือง) ให้แบ๊คกราว เป็นรูปภาพที่เราต้องการครับ

ที่ C4 พิมพ์สูตร =SUMIF($B$5:$B$20,C3,$A$5:$A$20)
Enter แล้วคัดลอกไปทางขวาครับ

ถ้าความต้องการของคุณ คือ
1. ต้องการดูผลรวม
2. โครงสร้างตารางข้อมูลของทุกชีทเหมือนกัน

ก็ลองศึกษาคำสั่ง DATA > CONSOLIDATE ครับ ง่ายๆ ไม่ต้องใช้สูตร แต่จะเร็วกว่า COPY รึเปล่าไม่แน่ใจ เพราะบางคนก็มีความสามารถ COPY ได้รวดเร็ว

superbill wrote:

ysamroeng wrote:ทำได้ครับ

พอจะชี้แนะได้รึเปล่าครับ ตอนนี้ผมใช้วิธี Record จาก Macro ทำได้แค่ check box แล้วมัน highlight cell ที่ต้องการได้
แต่พอเอา check box ออก cell ที่ highlight มันยังอยู่อะครับ

ก็ถ้ามีไฟล์แนบมาด้วย ผมก็จะแนะนำวิธีทำให้ครับ แต่เห็นว่า..แค่ถามเฉยๆ

ทำได้ครับ

ลองทำวิธีนี้ครับ 1. ที่ไฟล์ student.xlsx ในชีท เลือกห้อง , พิมพ์สูตรที่ E2 ="'[namestudent.xlsx]"&B2&"'!$A$1" 2. ที่ไฟล์ student.xlsx ในชีท นักเรียน , พิมพ์สูตรที่ A4 =OFFSET( INDIRECT(เลือกห้อง!$E$2) ,ROWS($1:1), 0 ) 3. B4 =OFFSET( INDIRECT(เลือกห้อง!$E$2) ,ROWS($1:1), 1...

ลองสูตรนี้ครับ
F8 =DATE(YEAR(E8),IF(MONTH(E8)<=MONTH(B8),6,12),30)

แค่เปลี่ยนสูตรเป็น... =DATEDIF(E2, K2 +1,"Y")&" ปี "&DATEDIF(E2, K2 +1,"YM")&" เดือน" ปล. ในคำถามบอกว่า K3 แต่ในสูตรทำไมอ้างอิงแถว 2 :?: ในไฟล์ตัวอย่าง ก็ไม่มี E2 อีกต่างหาก งง เข้าไปใหญ่เลย ซึ่งถ้าดูจากไฟล์แนบ สูตรควรจะเป็นคือ L3 =DATEDIF(F3, K3 +...

จากลักษณะงานดังตัวอย่าง ถ้าเก็บข้อมูลโดยไม่มีแถวว่างคั่น ก็สามารถใช้เครื่องมือ Data -> Subtotals ได้เลย โดยไม่ต้องใช้สูตร

งดใช้ภาษาแชท
กรุณากลับไปแก้ไขให้ถูกต้องด้วยครับ

lower_oneself wrote:คืออาจารย์เขาให้ใส่สูตรตรงช่อง F9 แล้วเอาเม้าท์ลาก(Auto Fill)ถึง F13 ให้ได้ด้วยครับ

คงหมายถึง การเขียนสูตรแบบ Smart Formula