
การใช้ Match ดังกล่าวเป็นการใช้แบบประยุกต์ครับ เข้าใจยาก แต่สามารถเข้าใจได้
Match ที่ใช้นี้จะต้องอยู่ภายในฟังก์ชั่นอื่นอีกที และฟังก์ชั่นอื่นที่ว่านั้น จะ้ต้องมีความสามารถบังคับให้สูตร Match เป็นสูตร Array ได้ ถ้าไม่ใช้อยู่ในฟังก์ชั่นอื่น จะต้องคีย์ให้รับสูตร Match ข้างต้นด้วยการกด 3 แป้นคือ Ctrl+Shift+Enter เพื่อบังคับสูตรให้เป็นสูตร Array
การทำงานของสูตร MATCH(
$C$4:$C$36,{11,15},0) สังเกตว่าเป็นการนำ ช่วงข้อมูลมา Match กับช่วงข้อมูล เป็นการใช้งานนอกเหนือจากการใช้งานปกติที่ใช้ข้อมูลเดี่ยว Match กับช่วงข้อมูล นั่นคือจะเป็นการเทียบค่า C4:C36 กับ ค่า 2 ค่าคือ 11 กับ 15
สามารถกระจายได้เป็น
Match(C4,{11,15},0) หาก C4 เท่ากับ 11 ผลลัพธ์เป็น 1 ถ้าเท่ากับ 15 จะให้ผลลัพธ์เป็น 2 ถ้าไม่เท่าจะเป็น #N/A
Match(C5,{11,15},0) หาก C5 เท่ากับ 11 ผลลัพธ์เป็น 1 ถ้าเท่ากับ 15 จะให้ผลลัพธ์เป็น 2 ถ้าไม่เท่าจะเป็น #N/A
...
Match(C36,{11,15},0) หาก C36 เท่ากับ 11 ผลลัพธ์เป็น 1 ถ้าเท่ากับ 15 จะให้ผลลัพธ์เป็น 2 ถ้าไม่เท่าจะเป็น #N/A
จากไฟล์ที่ผมแนบไปจะเห็นว่ามีฟังก์ชั่น Isnumber มาครอบ Match อีกทีหนึ่ง เพื่อที่จะตรวจสอบว่า ผลจากการ Match นั้นเป็น Number หรือไม่ ถ้าผลจากการ Match เป็น 1 หรือ 2 ผลลัพธ์จะได้ True ถ้าผลจากการ Match เป็น #N/A จะได้ False
ค่อย ๆ ทำความเข้าใจนะครับ
