
จากสูตร
=LOOKUP(255,SEARCH({"Anti";"Ultra"},A1),{"Film ด้าน";"Film ใส"})
หมายถึง ให้หาค่าที่
น้อยกว่าหรือเท่ากับตัวเลข 255 จากผลลัพธ์ของ SEARCH({"Anti";"Ultra"},A1) หากพบจะนำค่าที่ตรงกันใน {"Film ด้าน";"Film ใส"} มาแสดง ซึ่ง {"Anti";"Ultra"} จำเป็นต้องเรียงจากน้อยไปหามาก เพราะจะเป็นการค้นหาแบบ Binary Search หากได้ผลลัพธ์ทั้ง 2 ค่าจะนำค่าที่ 2 มาแสดง หากปรับสูตรให้หาค่ามากกว่า 2 ค่าและพบมากกว่า 2 ค่าจะนำค่าสุดท้ายมาแสดง
255 ตามข้างบนเป็นค่าที่
กำหนดขึ้นมาเอง ปกติแล้วจะต้องให้เป็นค่าที่
ใหญ่กว่าผลลัพธ์ของ SEARCH({"Anti";"Ultra"},A1) ครับ
SEARCH({"Anti";"Ultra"},A1) หมายถึงให้หาว่าพบ Anti ในตำแหน่งไหนของ A1 และพบ Ultra ในตำแหน่งไหนของ A1 หากพบก็จะแสดงตำแหน่งอักขระที่พบหากไม่พบจะแสดง #Value!
กรณีที่อักขระของ A1 ไม่ยาวเเกิน 255 นั่นหมายความว่าเราจะพบทั้งสองค่านั้น (หากมี) ในตำแหน่งที่
ไม่เกิน 255 แต่หากอักขระยาวกว่านั้นสามารถปรับเป็นค่าที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมความยาวของอักขระใน A1 ปกติหากเป็นการหาค่าสุดท้ายของช่วงเซลล์ใด ๆ เราจะใช้ค่า 9.99999999999999e307 คือค่าที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถคีย์ลงในเซลล์ได้
ไม่ว่าจะใช้ค่าใดในตำแหน่ง 255 ใช้เพื่อเป็นตัวเร่งให้เข้าถึงผลลัพธ์ในการค้นหาแบบ Binary Search โดยไวครับ