ดึงข้อมูลตามชื่อที่เหมือนกันมาแสดง แต่ไม่ได้ตามที่ต้องการ

[March201711]

คือ ชื่อลูกค้ามีลักษณะเหมือนกันหรือคล้ายกันแต่ formula ไปดึงข้อมูลจับอีกคนที่ไม่มีรายชื่อค่ะ ต้องปรับสูตรอย่างไรคะ
เช่น sheet ของลูกค้าชื่อ Mr.Tana มี ยอด 15,993.28 bht ดึงข้อมูลมาถูกที่ Cell B6
เช่น sheet ของลูกค้าชื่อ Mr.Chaichat มี ยอด 39,902.00 bht แต่สูตรไปดึงข้อมูลเป็นอีกคนนึงซึ่งมีชื่อหน้าเหมือนกัน เป็น Mr.Chait ที่ cell B7 high light สีเหลือง ซึ่งที่ถูกควรเป็นชื่อ Mr.Chaitchat
เช่น sheet ของลูกค้าชื่อ Mr.Anan มี ยอด 1,552,953.60 bht แต่สูตรไปดึงข้อมูลเป็นอีกคนนึงซึ่งมีชื่อหน้าเหมือนกัน เป็น Mr.Anant-Worachai ที่ cell B8 ซึ่งที่ถูกควรเป็นชื่อ Mr.Anan ค่ะ

[Xcelvba]

ใน cell C2 ที่เป็นสีเหลืองชื่อที่ดึงมาถูกแล้วครับ เพราะสูตรอ้างอิงจากรหัส ใน ตาราง A15:B20 ซึ่ง

123453-9 เป็นชื่อของ Mr.Chait Saiepoie ครับ

รหัส 944839-9 ถึงเป็นของ คุณ Mr.Chaitchat Soouewv

ส่วนใน Column A ใส่สูตรเพราะต้องการข้อมูลอย่างไรครับ อธิบายมาคร่าวๆครับ เพราะสูตร Column B อ้างอิงรหัสจาก Column A ครับ

ตัวอย่างสูตรในอย่างง่ายใน column B ครับ =IFERROR(VLOOKUP(A7,$A$15:$B$20,2,0),"")

[March201711]

แต่ชีทที่ ชื่อ Mr.Chait ไม่มียอดนะคะ อยากให้ดึงข้อมูลชื่อคนที่มียอดคือ Mr.Chaitchat ถึงจะถูก ข้อมูลดึงมาผิดชื่อเพราะชื่อ 7 ตัวอักษรแรกเหมือนกันค่ะ ต้องปรับสูตรยังงัยคะให้ดึงข้อมูลชื่อคนมาถูกและยอดมาด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

[snasui]

สูตรในคอลัมน์ A, B เป็นผลมาจากคอลัมน์ C ครับ

หากคอลัมน์ C เขียนสูตรโดยอ้างอิงจากชีตใด คอลัมน์ A และ B ก็จะอ้างอิงไปยังชีตนั้น ไม่ทราบว่าที่แท้จริงแล้วลำดับการทำงานเป็นอย่างไร กรุณาอธิบายมาโดยละเอียดครับ

เบื้องต้นลองปรับสูตรใหม่เป็นด้านล่างครับ

1. ที่ A6 คีย์
   =INDIRECT(MID(FORMULATEXT(C6),5,FIND("!",FORMULATEXT(C6))-5)&"!A2")
   Enter > Copy ลงด้านล่าง
2. ที่ B6 คีย์
   =IFERROR(VLOOKUP(A6,$A$15:$B$171,2,FALSE),"")
   Enter > Copy ลงด้านล่าง

[March201711]

ตรง cell D7 ทำมึ้น #REF! high light สีส้ม ยอดที่ถูกคือ 16/03/2023 ต้องปรับสูตรยังงัยคะ

[snasui]

แก้ชื่อชีตให้มี - กลางเหมือนค่าใน C7 เสียก่อนครับ

จากนั้นปรับสูตรที่ D7 เป็น

=IF(C7="","",INDIRECT("'"&LEFT(C7,FIND(" ",C7)-1)&"'!d4"))

Enter > Copy ไปใช้กับเซลล์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ปกติชื่อชีตควรเขียนด้วยตัวหนังสือล้วน หากมีวรรค มีตัวเลข มีเครื่องหมายใด ๆ (ที่ไม่ต้องห้าม) จะต้องครอบชื่อชีตด้วยเครื่องหมาย ' เสมอครับ

กรณีไม่เพิ่ม - ในชื่อชีต สามารถเปลี่ยนสูตรเป็น

=IF(C7="","",INDIRECT(SUBSTITUTE(LEFT(C7,FIND(" ",C7)-1),"-","")&"!d4"))

[March201711]

ถ้าตรง cell C7 ชื่อเป็นเป็นค่าเคาะวรรค มีชื่อต้น กลาง และนามสกุล ทำให้ค่าขึ้น #REF! ที่ cell D7 (high light สีส้ม) ยอดที่ถูกคือ 16/03/2023 ต้องปรับสูตรยังงัยคะ

[snasui]

สิ่งที่ควรทำคือต้องทราบว่า C7 มาจากไหน ตามไปแก้ต้นทางให้ถูกต้องและต้องทำเช่นนี้ในทุก ๆ งาน ไม่ใช่ไปแก้สูตรให้มีความซับซ้อนรองรับความไม่เป็นมาตรฐานของการคีย์ข้อมูลครับ

[March201711]

แก้ตามทุกชีทแล้วนะคะแต่ก็ยังขึ้น #REF อยู่ค่ะ

[snasui]

แนบไฟล์ล่าสุดมาด้วยจะได้ช่วยดูให้ได้ครับ

[March201711]

แสดงค่าที่ถูกต้อง เป็นวันที่ 16/03/2023 ที่ cell D7 ตามfileที่แนบมาค่ะ แต่ทำไมยังขึ้น #REF อยู่ค่ะอาจารย์

[snasui]

กรุณาทำตามโพสต์ #10 การตรวจสอบสูตรจำเป็นจะต้องมีไฟล์ Excel ที่เป็นปัญหาแนบมาด้วยเสมอครับ

แนบไฟล์ล่าสุดมาด้วยจะได้ช่วยดูให้ได้ครับ

[March201711]

ตามไฟล์ที่แนบมานี้ค่ะ

[snasui]

แก้ตามทุกชีทแล้วนะคะแต่ก็ยังขึ้น #REF อยู่ค่ะ

แก้แบบนั้นถือว่าใช้ไม่ได้ครับ ควรแก้คอลัมน์ N ให้เป็นชื่อเดียวกับชื่อชีตทุกประการ สิ่งนี้ควรทำเป็นมาตรฐานหากจะต้องนำมาใช้งานลักษณะนี้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดการเขียนสูตรที่ซับซ้อนเพราะต้องดัก Error ที่อาจจะมีได้หลากหลาย ยกตัวอย่างสูตรที่ปรับปรุงใหม่หากยังไม่ทำข้อมูลไม่เป็นมาตรฐาน

ที่เซลล์ D4 คีย์

=IF(C4="","",INDIRECT("'"&TRIM(SUBSTITUTE(C4,TEXTAFTER(C4," ",-1-ISNUMBER(FIND(",",C4))),""))&"'!d4"))

Enter > Copy ลงด้านล่าง

[March201711]

ได้แล้วค่ะ ขอบคุณิาจารย์มากค่ะ

[March201711]

เกิดปัญหาอีกแล้วค่ะ ถ้าตรง cell C7 ชื่อเป็นเป็นค่าเคาะวรรค มีชื่อต้น กลาง และนามสกุล ทำให้ค่าขึ้น #REF! ที่ cell D7 (high light สีส้ม) ยอดที่ถูกคือ 21/03/2023 ต้องปรับสูตรยังงัยคะ
ยอดที่ถูกต้องต้องเป็นวันที่ 16/03/2023 ที่ cell D7 ค่ะ

[snasui]

ผมเขียนอธิบายไว้แล้วในโพสต์ที่ 14 ด้านบน ว่าควรทำแบบไหน อย่างไร กรุณาอ่านทบทวน ไม่เข้าใจตรงไหนค่อยถามกันต่อครับ

[March201711]

ทำไมทำตามที่อาจารย์บอกแล้ว มันขึ้น #NAME? คะ รบกวนช่วยดูให้หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ

[snasui]

เป็นฟังก์ชันที่ต้องใช้กับ Excel 365 ครับ

ส่วน Error ผมอธิบายไว้แล้วว่าป้องกันเหตุการณ์นี้อย่างไรตามโพสต์นี้ครับ

ควรแก้คอลัมน์ N ให้เป็นชื่อเดียวกับชื่อชีตทุกประการ สิ่งนี้ควรทำเป็นมาตรฐานหากจะต้องนำมาใช้งานลักษณะนี้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดการเขียนสูตรที่ซับซ้อนเพราะต้องดัก Error ที่อาจจะมีได้หลากหลาย

หากไม่แก้คอลัมน์ N ก็เพิ่มรายการมาที่คอลัมน์ O ก็ย่อมได้ คอลัมน์นี้จะต้องเป็นชื่อเดียวกับชื่อชีตทุกประการ โดยคอลัมน์นี้จะนำไปแสดงคอลัมน์ C เพื่อให้คอลัมน์ D อ้างอิงเอาไปใช้งาน หากเป็นเช่นนี้จะสะดวกต่อการเขียนสูตร ไม่เกิดความซับซ้อน สามารถปรับปรุงเองได้ในภายหลัง