
หากจำนวนข้อมูลแต่ละชุดไม่แน่นอน และผลต่างระหว่างข้อมูลแต่ละคู่ไม่เท่ากัน แนะนำว่าควรเอาชื่อชุดมาใส่กำกับที่ข้อมูลด้วยครับ เช่น C3:C14 ให้คีย์ A 500 และ C17:C20 คีย์ B จะได้เขียนสูตรง่ายขึ้น และใช้บัญญัติไตรยางค์เข้ามาช่วยคำนวณ ลองแบบนี้ครับ
ที่ G3 คีย์
=IF(COUNTIFS(
C3:C20,D3,
A3:A20,"<="&E3)=0,NA(),LOOKUP(1,1/((
C3:C20=D3)*(
A3:A20<=E3)),ROW(
A3:A20)-ROW(
A3)+1))
ที่ H3 คีย์
=MATCH(TRUE,INDEX(((
C3:C20=D3)*
A3:A20)>=E3,0),0)
ที่ F3 คีย์
=IF(OR(ISNA(G3),ISNA(H3)),"Invalid Input",INDEX(
B3:B20,G3)+IF(G3=H3,0,(E3-INDEX(
A3:A20,G3))*(INDEX(
B3:B20,H3)-INDEX(
B3:B20,G3))/(INDEX(
A3:A20,H3)-INDEX(
A3:A20,G3))))
ปล. สูตรที่ G3 และ H3 ใส่เพื่อให้รู้ว่าข้อมูลที่คีย์อยู่ในตำแหน่งในช่วงข้อมูลครับ เวลาใช้งานก็ต้องเอาชื่อชุดมาใส่ในตารางข้อมูลก่อน แล้วก็
ปรับช่วงสีแดงและ
สีม่วง ให้สอดคล้องกับข้อมูลที่มีครับ
You do not have the required permissions to view the files attached to this post.