joo wrote:พอจะอธิบายสูตรให้หน่อยได้ไหมครับจะได้เป็นแนวทางประยุกต์ใช้งาน
=SUMIF(Database!$A$3:$A$17,ค้นหา!D$3,INDIRECT(ADDRESS(3,4+ROWS(D$5:D5)-1,1,,"Database")):INDIRECT(ADDRESS(17,4+ROWS(D$5:D5)-1,1,,"Database")))
ผมขออธิบายแนวคิดเฉพาะในส่วน INDIRECT และ ADDRESS ก็แล้วกันนะครับ เพราะคิดว่า SUMIF คงรู้อยู่แล้ว
ฟังก์ชัน INDIRECT
http://office.microsoft.com/th-th/excel ... 62413.aspx
ส่งกลับค่าการอ้างอิงที่ถูกระบุอยู่ในสตริงข้อความ การอ้างอิงจะได้รับการประเมินทันที เพื่อแสดงเนื้อหาที่อ้างอิง ให้ใช้ฟังก์ชัน INDIRECT เมื่อคุณต้องการเปลี่ยนการอ้างอิงไปที่เซลล์ภายในสูตรโดยไม่ต้องเปลี่ยนสูตร เอง
ไวยากรณ์
INDIRECT(ref_text,a1)
ฟังก์ชัน ADDRESS
http://office.microsoft.com/th-th/excel ... aspx?CTT=1
ไวยากรณ์
ADDRESS(row_num, column_num, [abs_num], [a1], [sheet_text])
ดังนั้น ADDRESS(3,4+ROWS(D$5:D5)-1,1,,"Database") ก็คือ
3 >> บรรทัดที่ 3
4+ROWS(D$5:D5)-1 >> คอลัมน์ที่ 4 (ก็คือคอลัมน์ D เนื่องจากค่าแรกเริ่มที่คอลัมน์นี้) บวกด้วย ROWS(D$5:D5)-1 ซึ่งก็จะเพิ่มขึ้นทีละ 1 เมื่อเรา copy ลงด้านล่างเพิ่มขึ้น 1 บรรทัด ที่ต้องลบ 1 เพราะบรรทัดแรกเราต้องการค่า 4 (4+1-1=4) บรรทัดต่อไปก็เป็น 4+2-1=5 ซึ่งก็คือคอลัมน์ E
1 >> ในที่นี้ ใส่ 1 หรือ ไม่ใส่ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน
"Database" >> ชื่อ worksheet
ดังนั้นผลลัพธ์ที่เราจะได้จากฟังก์ชั่นนี้ใน D5 คือ "Database!$D$3" ซึ่งเป็นข้อความ
เราจึงต้องใช้ฟังก์ชัน INDIRECT ส่งกลับค่าการอ้างอิงที่ถูกระบุอยู่ในสตริงข้อความ จึงจะได้ค่าที่อยู่ในเซลล์
:INDIRECT(ADDRESS(17,4+ROWS(D$5:D5)-1,1,,"Database"))
ก็จะคล้ายด้านบน แต่ผลลัพธ์จะเป็นของ "Database!$D$17" ดังนั้นจากทั้งสูตรเราจะได้ค่าจาก Database!$D$3:Database!$D$17 ซึ่งคราวนี้ก็เป็นไวยากรณ์ปกติของ SUMIF
